แชร์ประสบการณ์ ลัทธิ(แปลก) ในเกาหลี


Cr.happytokorea.com
   
        หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องลัทธิแปลกๆในเกาหลีกันมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ? วันนี้เราอ่านเจอบทความเกี่ยวกับลัทธิชินชอนจิที่โด่งดังมาจากการระบาดของ COVID-19 เลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสในการร่วมกิจกรรมกับลัทธิแปลกๆในเกาหลีกันค่ะ
        บอกก่อนว่าเราอาจจะยังโชคดีที่ไม่ได้เจอลัทธิที่มีพิธีกรรมแปลกประหลาดสักเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ถูกเชิญไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ T^T ด้วยความที่ไปเรียนภาษาที่เกาหลีคนเดียวและเพิ่งไปเรียนที่เกาหลีได้ไม่นานจึงยังไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทสักเท่าไหร่ บวกกับมั่นใจในความปลอดภัยของเกาหลีมากจนลืมเรื่องสำคัญไปทั้งที่ก็เคยศึกษาเรื่องพวกนี้ก่อนไปแล้วแท้ๆเลย
        วันนั้นเวลาประมาณ 22.00 น.ซึ่งเรายังเดินเล่นอยู่ในย่านมหาวิทยาลัย เดินกินฮอทด็อกคนเดียวชิลๆเลยค่ะ แล้วจู่ๆก็มีนักเรียนเกาหลี 2 คน เดินเข้ามาถามทางหาห้องสมุดแถวนั้น บยอลก็พอจะฟังออกบ้างแต่ก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าแถวนั้นมีห้องสมุดรึเปล่า เลยส่ายหัวและบอกไปว่าไม่รู้ ซึ่งนั่นแหละค่ะจุดเริ่มต้น.. จากนั้นนักเรียน 2 คน ก็เริ่มชวนคุยด้วยภาษาอังกฤษ แนะนำตัวว่าเป็นนักเรียนอยู่แถวนี้ ถามนั่นนี่ต่างๆนานา "เป็นต่างชาติหรอ?" "พูดเกาหลีเก่งจัง" จากนั้นก็หลอกล่อด้วยกิจกรรมเกี่ยวกับประเพณีของเกาหลี แต่งชุดฮันบกฟรี แล้วก็อยู่ใกล้ๆแถวนี้เอง คือเป็นมิตรมากๆจนเราเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลยนะ5555 อาจจะด้วยเห็นว่าเป็นนักเรียนน่าจะรุ่นๆเดียวกันแล้วเราก็อยากจะมีเพื่อนเกาหลีบ้าง จริงๆตอนนั้นก็สองจิตสองใจนะคะ เพราะคิดว่าดึกมากแล้วกลัวจะไม่มีรถกลับหอพัก ก็เลยบอกพวกเขาไปว่าหอจะปิดตอน 5 ทุ่ม อ่ะอย่างน้อยก็ต้องรีบกลับล่ะนะ จากนั้นก็เริ่มเดินทางไปยังสถานที่ "นั้น" ซึ่งอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยที่เราเรียนอยู่ประมาณ 2 ป้ายรถเมล์
        จุดหมายของเราเป็นอาคารสำนักงานธรรมดาๆนี่เองค่ะ สัก 3-4 ชั้นไม่เล็กไม่ใหญ่ เข้าไปก็มีผู้ใหญ่อยู่ประปราย ที่เหลือก็เป็นวัยรุ่นเกาหลีซะส่วนใหญ่และมีชาวต่างชาติเหมือนเราอีก 1-2 คน  สถานที่เป็นห้องโถงโล่งๆ มีโต๊ะตั้งพื้นอยู่ 2-3 ตัว ไปถึงก็มีคุณลุงที่ยังไม่แก่มากมาคุยรายละเอียดว่าวันนี้เราจะเรียนรู้พิธีการไหว้บรรพบุรุษแบบเกาหลีกัน แล้วเขาก็ยื่นกระดาษให้เราเขียนชื่อเรา ชื่อพ่อแม่ เพื่อนำไปใช้ในพิธี ตอนนั้นเราก็เริ่มไม่ค่อยสบายใจแล้วค่ะ ก็เลยตัดสินใจใส่ชื่อมั่วๆไป พอเขียนชื่อและยื่นกระดาษให้คุณลุงเรียบร้อย นักเรียน 2 คนที่พาเรามาก็พาเราไปเปลี่ยนชุดค่ะ ใช่ค่ะเราได้ใส่ชุดฮันบกฟรีตามที่สาวๆบอกค่ะ แล้วก็ถ่ายรูปนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆแล้วก็โดนเรียกตัวไปอีกห้องหนึ่ง เป็นห้องซึ่งจัดเตรียมอาหาร ผลไม้ต่างๆไว้พร้อม และมีผู้ใหญ่อยู่ 4-5 คน เป็นคนที่ให้เราไหว้และคอยคุมว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง ตอนนั้นทรมานมากเพราะการไหว้ของเขาคือลุกนั่งๆหลายรอบมากๆจนขาแทบทรุดเลยค่ะ T^T กว่าจะเสร็จพิธีนี่ทำเอาเราหงุดหงิดมากเพราะไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่เวลาเดินไปถึง 5 ทุ่มอย่างรวดเร็ว เริ่มฟึดฟัดอยากกลับหอแล้วแต่เขาก็ยังชวนกินอาหารต่อค่ะ -_- บอกว่าไหว้แล้วต้องกินด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลอะไรประมาณนั้นแต่เราก็บอกไปว่าต้องกลับแล้วจริงๆอยู่ต่อไม่ได้แล้ว สุดท้ายเขาเลยจัดขนม ผลไม้ อาหารทั้งหลายใส่ถุงให้เรากลับไปกินค่ะ ระหว่างทางเดินไปป้ายรถประจำทางคุณลุงเค้าก็ชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับลัทธิเขาตลอดทางแต่ด้วยความที่เรากำลังเครียดและไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเท่าไหร่ก็จับใจความอะไรไม่ได้เลย เลยได้แต่เออๆออๆ ยิ้มรับไปผ่านๆ พอรถมาก็รีบขึ้นรถกลับหอแบบกังวลมากๆเพราะไม่ชินทางต้องดูแผนที่ตลอด แต่สุดท้ายก็กลับไปถึงหอได้อย่างปลอดภัย
        วันนั้นก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากหรอกค่ะ คิดว่าดีจังได้ใส่ชุดฮันบกถ่ายรูปฟรี ได้ของกินกลับมาอีกเพียบ จนคิดว่าแล้วเขาจะชวนเราไปที่นั่นเพื่ออะไร? ก็เริ่มมีสตินึกขึ้นได้ว่า ระหว่างทางกลับไปที่ป้ายรถเมล์ได้ยินคำว่า "Donate" คือการบริจาคก็เข้าใจทันที และคิดใหม่ว่าโชคดีจริงๆที่เรากลับมาถึงหอได้อย่างปลอดภัย โชคดีที่เขาไม่เทเราไว้ข้างทางเพราะไม่บริจาคเงิน และเป็นครั้งแรกที่รู้สึกโชคดีที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่อย่างนั้นคงได้เสียเงินไปแล้ว
        หลังจากวันนั้นก็ยังเจอแบบนี้อยู่แต่ก็เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆค่ะ เป้าหมายคือชาวต่างชาติที่มาเดินเล่นคนเดียวค่ะ ครั้งหนึ่งเคยไปเดินเที่ยวกับเพื่อนแล้วเพื่อนคนปลีกตัวไปเจอคนกลุ่มนี้พอดี เราก็รีบยั้งเลยค่ะ เจออีกกี่รอบก็บ่ายเบี่ยงหนีกลับหออย่างเดียวเลย เรารู้ทางเขาแล้วจะไม่ยอมไปอีกเด็ดขาดกลัวไม่ได้กลับมาฟรีๆแบบรอบแรกค่ะ555
        เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเรื่องราวที่เราเอามาแบ่งปันกัน อาจไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรมาก แต่ก็หวังว่าจะเป็นความรู้เล็กๆน้อยๆให้กับเพื่อนๆได้นะคะ ^^

ความคิดเห็น